เอเอฟพี - ธนาคารกลางสิงคโปร์สั่งปิดสถาบันการเงินสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นแห่งที่สองวันนี้ (11 ต.ค.) หลังตรวจสอบพบกิจกรรมฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ของรัฐบาลมาเลเซีย ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้มีคำสั่งให้ธนาคารฟอลคอน (Falcon Bank) ยุติกิจกรรมทุกอย่างบนเกาะการเงินแห่งนี้ หลังพบว่าระบบป้องกันการฟอกเงินของธนาคารมีข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง “ธนาคารฟอลคอนได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังคงขาดความเข้าใจอย่างมากในเรื่องกฎระเบียบและความคาดหวังของ MAS ที่ว่าด้วยการต่อต้านฟอกเงิน” คำแถลงของ MAS ระบุ MAS ยังได้สั่งปรับธนาคารดีบีเอส และธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินสัญชาติสิงคโปร์ ด้วยข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะเดียวกัน

เอเอฟพี - ธนาคารกลางสิงคโปร์สั่งปิดสถาบันการเงินสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์เป็นแห่งที่สองวันนี้ (11 ต.ค.) หลังตรวจสอบพบกิจกรรมฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ของรัฐบาลมาเลเซีย ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้มีคำสั่งให้ธนาคารฟอลคอน (Falcon Bank) ยุติกิจกรรมทุกอย่างบนเกาะการเงินแห่งนี้ หลังพบว่าระบบป้องกันการฟอกเงินของธนาคารมีข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง “ธนาคารฟอลคอนได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังคงขาดความเข้าใจอย่างมากในเรื่องกฎระเบียบและความคาดหวังของ MAS ที่ว่าด้วยการต่อต้านฟอกเงิน” คำแถลงของ MAS ระบุ MAS ยังได้สั่งปรับธนาคารดีบีเอส และธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินสัญชาติสิงคโปร์ ด้วยข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะเดียวกัน

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - พญามังกรสยายปีกซื้อกิจการในต่างประเทศสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แม้จะพบการยกเลิกดีลบ่อยครั้งมากขึ้นก็ตาม ดีลโลจิก (Dealogic) ผู้รวบรวมข้อมูลด้านการทำข้อตกลงทางธุรกิจระดับโลกเผยว่าในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ บริษัทจีนได้ดำเนินการควบรวมและครอบครองกิจการในต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวม 173,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 68 เมื่อเทียบปีต่อปี

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - พญามังกรสยายปีกซื้อกิจการในต่างประเทศสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แม้จะพบการยกเลิกดีลบ่อยครั้งมากขึ้นก็ตาม ดีลโลจิก (Dealogic) ผู้รวบรวมข้อมูลด้านการทำข้อตกลงทางธุรกิจระดับโลกเผยว่าในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ บริษัทจีนได้ดำเนินการควบรวมและครอบครองกิจการในต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวม 173,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 68 เมื่อเทียบปีต่อปี

ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาผันผวนแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยถูกกดดันจากการโต้วาทีระหว่าง นาง ฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์โดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร เมื่อดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งดูเหมือนว่านางฮิลารี่ คลินตัน จะมีโอกาสที่จะเป็นประธานาธิบดีคนถัดไปของสหรัฐฯ กระแสการคาดการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยง หรือตลาดหุ้นทั่วโลกให้ทะยานขึ้น และกดดันให้ราคาทองคำ หรือสินทรัพย์ปลอดภัยให้อ่อนตัว หรือปรับฐานลง แต่ราคาทองคำยังคงมีการฟื้นตัวได้บางในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร เมื่อดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย หรือค่าชดเชยจากการขายอัตราสารหนี้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล และมีการคาดการณ์ว่า ดีลเลอร์ หรือผู้ทำธุรกรรมธนาคารดังกล่าวอาจจะมีการถอนในส่วนของการทำธุรกรรมออกไป และส่งผลให้ตัวทองคำ หรือสินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงจับตาดูทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากในส่วนของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และประธานเฟดในสาขาต่างๆ ยังคงมีการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงขัดแย้งกัน

ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาผันผวนแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยถูกกดดันจากการโต้วาทีระหว่าง นาง ฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์โดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร เมื่อดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งดูเหมือนว่านางฮิลารี่ คลินตัน จะมีโอกาสที่จะเป็นประธานาธิบดีคนถัดไปของสหรัฐฯ กระแสการคาดการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยง หรือตลาดหุ้นทั่วโลกให้ทะยานขึ้น และกดดันให้ราคาทองคำ หรือสินทรัพย์ปลอดภัยให้อ่อนตัว หรือปรับฐานลง แต่ราคาทองคำยังคงมีการฟื้นตัวได้บางในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร เมื่อดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย หรือค่าชดเชยจากการขายอัตราสารหนี้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล และมีการคาดการณ์ว่า ดีลเลอร์ หรือผู้ทำธุรกรรมธนาคารดังกล่าวอาจจะมีการถอนในส่วนของการทำธุรกรรมออกไป และส่งผลให้ตัวทองคำ หรือสินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงจับตาดูทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากในส่วนของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และประธานเฟดในสาขาต่างๆ ยังคงมีการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงขัดแย้งกัน

ประธานสมาคมทองแห่งจีน (CGA) กล่าวว่า จีนเดินหน้ารักษาตำแหน่งผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยเมื่อปี 2015 จีนได้ผลิตทองคำ 516 ตัน เป็นจำนวนมากกว่าปี 2014 ร้อยละ 0.6 ซึ่งมากกว่าประเทศใดๆในโลก อีกทั้งเนื่องจากความต้องการของอัญมณีและทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อปี 2015 จีนได้บริโภคทองคำไป 986 ตัน มากขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 3.7 ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มากที่สุดของโลกเช่นกัน เมื่อปลายปี 2015 มีรายงานว่าจีนเป็นผู้ผลิตทองคำชั้นนำของโลกที่นานติดต่อกันแล้ว 9 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้บริโภคทองคำที่นานติดต่อกัน 3 ปีด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลของ CGA แสดงให้เห็นว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ จีนสามารถผลิตทองคำได้ 229 ตัน และบริโภคได้ 529 ตันแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเมษายนที่ผ่านมา จีนได้เปิดตัวสัญญาทองอ้างอิงสกุลหยวนที่ตลาดซื้อขายทองเซี่ยงไฮ้ (SGE) เป็นการกำหนดราคามาตรฐานของทองคำในสกุลเงินหยวน ซึ่งความแคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังเข้ามาครอบครองตลาดทองคำโลกนั่นเอง

ประธานสมาคมทองแห่งจีน (CGA) กล่าวว่า จีนเดินหน้ารักษาตำแหน่งผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยเมื่อปี 2015 จีนได้ผลิตทองคำ 516 ตัน เป็นจำนวนมากกว่าปี 2014 ร้อยละ 0.6 ซึ่งมากกว่าประเทศใดๆในโลก อีกทั้งเนื่องจากความต้องการของอัญมณีและทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อปี 2015 จีนได้บริโภคทองคำไป 986 ตัน มากขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 3.7 ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มากที่สุดของโลกเช่นกัน เมื่อปลายปี 2015 มีรายงานว่าจีนเป็นผู้ผลิตทองคำชั้นนำของโลกที่นานติดต่อกันแล้ว 9 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้บริโภคทองคำที่นานติดต่อกัน 3 ปีด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลของ CGA แสดงให้เห็นว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ จีนสามารถผลิตทองคำได้ 229 ตัน และบริโภคได้ 529 ตันแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเมษายนที่ผ่านมา จีนได้เปิดตัวสัญญาทองอ้างอิงสกุลหยวนที่ตลาดซื้อขายทองเซี่ยงไฮ้ (SGE) เป็นการกำหนดราคามาตรฐานของทองคำในสกุลเงินหยวน ซึ่งความแคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังเข้ามาครอบครองตลาดทองคำโลกนั่นเอง

สร้าง EA Forex ให้ AI ช่วย ง่ายกว่า ไม่ต้องปวดหัวกับโค้ด! อยากมี EA เทรด Forex อัตโนมัติ แต่ไม่อยากเสียเวลาศึกษา MQL4/MQL5? 🤯 AI มีคำตอบให้คุณ! แค่บอกแนวคิด ระบบ AI อย่าง ChatGPT หรือ Capitalise.ai ก็สามารถสร้าง EA ให้ได้ในเวลาไม่กี่นาที! ทำไมต้องให้ AI ช่วยสร้าง EA? ✅ ลดเวลาการพัฒนา – ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง แค่ใช้คำสั่งง่ายๆ ✅ ลดข้อผิดพลาด – AI ช่วยแก้บั๊กและปรับปรุงโค้ดให้มีประสิทธิภาพ ✅ เข้าถึงได้แม้ไม่มีพื้นฐานเขียนโปรแกรม – ใช้ได้ทั้งมือใหม่และมือโปร ✅ ทดลองไอเดียได้เร็ว – อยากลองกลยุทธ์ใหม่? แค่ให้ AI เขียนโค้ดแล้วนำไป Backtest ✅ ปรับแต่ง EA ได้ตามต้องการ – ตั้งค่า MM, กำหนดกลยุทธ์ และใช้ตัวบ่งชี้ที่คุณชอบ 💡 AI ทำให้หมดเลยได้ไหม? AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้าง EA ได้เร็วขึ้น แต่การปรับแต่งและการทดสอบก็ยังสำคัญ! EA ที่ดีต้องมีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนและบริหารความเสี่ยงได้ดี ถ้าคุณอยากให้ AI สร้าง EA ให้ หรืออยากเรียนรู้วิธีทำ EA แบบง่ายๆ คอมเมนต์ “สนใจ” ไว้ได้เลย! 🚀✨ #สร้างEAง่ายๆ #AIช่วยเทรด #EAอัตโนมัติ #Forex #TradingBot

สร้าง EA Forex ให้ AI ช่วย ง่ายกว่า ไม่ต้องปวดหัวกับโค้ด! อยากมี EA เทรด Forex อัตโนมัติ แต่ไม่อยากเสียเวลาศึกษา MQL4/MQL5? 🤯 AI มีคำตอบให้คุณ! แค่บอกแนวคิด ระบบ AI อย่าง ChatGPT หรือ Capitalise.ai ก็สามารถสร้าง EA ให้ได้ในเวลาไม่กี่นาที! ทำไมต้องให้ AI ช่วยสร้าง EA? ✅ ลดเวลาการพัฒนา – ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง แค่ใช้คำสั่งง่ายๆ ✅ ลดข้อผิดพลาด – AI ช่วยแก้บั๊กและปรับปรุงโค้ดให้มีประสิทธิภาพ ✅ เข้าถึงได้แม้ไม่มีพื้นฐานเขียนโปรแกรม – ใช้ได้ทั้งมือใหม่และมือโปร ✅ ทดลองไอเดียได้เร็ว – อยากลองกลยุทธ์ใหม่? แค่ให้ AI เขียนโค้ดแล้วนำไป Backtest ✅ ปรับแต่ง EA ได้ตามต้องการ – ตั้งค่า MM, กำหนดกลยุทธ์ และใช้ตัวบ่งชี้ที่คุณชอบ 💡 AI ทำให้หมดเลยได้ไหม? AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้าง EA ได้เร็วขึ้น แต่การปรับแต่งและการทดสอบก็ยังสำคัญ! EA ที่ดีต้องมีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนและบริหารความเสี่ยงได้ดี ถ้าคุณอยากให้ AI สร้าง EA ให้ หรืออยากเรียนรู้วิธีทำ EA แบบง่ายๆ คอมเมนต์ “สนใจ” ไว้ได้เลย! 🚀✨ #สร้างEAง่ายๆ #AIช่วยเทรด #EAอัตโนมัติ #Forex #TradingBot

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปี 2016 เหลือ 1.6% จาก 2.6% ในปี 2015 ชี้สัญญาณอันตราย! การลงทุนซบเซา สินค้าคงเหลืออ่อนแอ ความไม่แน่นอนทางการเมือง กดดันเศรษฐกิจ ⚠️ สหรัฐกำลังสูญเสียโมเมนตัม! เศรษฐกิจชะลอต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ราคาพลังงานดิ่ง IMF เตือน! วิกฤตอาจรุนแรงกว่าที่คาด!

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปี 2016 เหลือ 1.6% จาก 2.6% ในปี 2015 ชี้สัญญาณอันตราย! การลงทุนซบเซา สินค้าคงเหลืออ่อนแอ ความไม่แน่นอนทางการเมือง กดดันเศรษฐกิจ ⚠️ สหรัฐกำลังสูญเสียโมเมนตัม! เศรษฐกิจชะลอต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ราคาพลังงานดิ่ง IMF เตือน! วิกฤตอาจรุนแรงกว่าที่คาด!

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐปี 2016 ลงเหลือ 1.6% จาก 2.2% ที่เคยคาดไว้ในเดือนกรกฎาคม และลดลงจาก 2.6% ในปี 2015 โดยระบุว่าสาเหตุหลักมาจาก การลงทุนทางธุรกิจที่ซบเซา สินค้าคงเหลืออ่อนแอ และความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี 📉 เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวต่อเนื่อง! IMF ชี้ว่า สหรัฐกำลังสูญเสียโมเมนตัม ตั้งแต่ต้นปี และแรงส่งทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองยังไม่ชัดเจน ขณะที่ราคาพลังงานตกต่ำและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังกดดันเศรษฐกิจ ⚡ อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวกลับมาเติบโตที่ 2.2% ในปี 2017 หากแรงกดดันเริ่มคลี่คลาย!

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐปี 2016 ลงเหลือ 1.6% จาก 2.2% ที่เคยคาดไว้ในเดือนกรกฎาคม และลดลงจาก 2.6% ในปี 2015 โดยระบุว่าสาเหตุหลักมาจาก การลงทุนทางธุรกิจที่ซบเซา สินค้าคงเหลืออ่อนแอ และความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี 📉 เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวต่อเนื่อง! IMF ชี้ว่า สหรัฐกำลังสูญเสียโมเมนตัม ตั้งแต่ต้นปี และแรงส่งทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองยังไม่ชัดเจน ขณะที่ราคาพลังงานตกต่ำและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังกดดันเศรษฐกิจ ⚡ อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวกลับมาเติบโตที่ 2.2% ในปี 2017 หากแรงกดดันเริ่มคลี่คลาย!

กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่ามันจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.6 ในปีนี้ลดลงจากร้อยละ 2.6 ในปี 2015 พยากรณ์มากกว่าครึ่งหนึ่งจุดเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของกองทุนของการขยายตัวร้อยละ 2.2 ในเดือนกรกฎาคมที่ทำได้มันเป็นไปตาม"ช่วงครึ่งปีแรกที่น่าผิดหวังของปี" เศรษฐกิจสหรัฐได้แรงหนุนจากการลงทุนทางธุรกิจที่อ่อนแอและสินค้าคงเหลือที่บอบบาง กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็ยังเพิ่มความไม่แน่นอน "เศรษฐกิจของสหรัฐได้สูญเสียโมเมนตัมในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมาและความคาดหวังของการขับเคลื่อนในไตรมาสที่สองของปี 2016 ยังไม่ได้อนาคต" กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวถึง แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในตุลาคม 2016 IMF เพิ่มว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 2.2 ในปีหน้าขณะที่ราคาพลังงานที่ตกต่ำลงลากยาวไปเรื่อยและความแข็งแกร่งของเงินดอลล่าจางหายไป."

กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่ามันจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.6 ในปีนี้ลดลงจากร้อยละ 2.6 ในปี 2015 พยากรณ์มากกว่าครึ่งหนึ่งจุดเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของกองทุนของการขยายตัวร้อยละ 2.2 ในเดือนกรกฎาคมที่ทำได้มันเป็นไปตาม"ช่วงครึ่งปีแรกที่น่าผิดหวังของปี" เศรษฐกิจสหรัฐได้แรงหนุนจากการลงทุนทางธุรกิจที่อ่อนแอและสินค้าคงเหลือที่บอบบาง กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็ยังเพิ่มความไม่แน่นอน "เศรษฐกิจของสหรัฐได้สูญเสียโมเมนตัมในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมาและความคาดหวังของการขับเคลื่อนในไตรมาสที่สองของปี 2016 ยังไม่ได้อนาคต" กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวถึง แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในตุลาคม 2016 IMF เพิ่มว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 2.2 ในปีหน้าขณะที่ราคาพลังงานที่ตกต่ำลงลากยาวไปเรื่อยและความแข็งแกร่งของเงินดอลล่าจางหายไป."

หุ้น ดอยช์แบงก์ ดิ่งทำสถิติต่ำสุดหลายครั้งในเดือนนี้ ท่ามกลางความกังวลว่า ธนาคารอาจล้มละลาย และจุดชนวน วิกฤตการเงินโลกครั้งใหม่! แม้ล่าสุดมีข่าวดีเรื่องการเจรจาลดค่าปรับกับสหรัฐฯ จนหุ้นฟื้นตัว แต่ตลาดยังระส่ำ 🔥 นี่คือจุดจบ หรือแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ? นักลงทุนทั่วโลกจับตา วิกฤตนี้อาจไม่จบง่าย ๆ!

หุ้น ดอยช์แบงก์ ดิ่งทำสถิติต่ำสุดหลายครั้งในเดือนนี้ ท่ามกลางความกังวลว่า ธนาคารอาจล้มละลาย และจุดชนวน วิกฤตการเงินโลกครั้งใหม่! แม้ล่าสุดมีข่าวดีเรื่องการเจรจาลดค่าปรับกับสหรัฐฯ จนหุ้นฟื้นตัว แต่ตลาดยังระส่ำ 🔥 นี่คือจุดจบ หรือแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ? นักลงทุนทั่วโลกจับตา วิกฤตนี้อาจไม่จบง่าย ๆ!

หลังจากเผชิญวิกฤตหนัก ราคาหุ้น ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ดิ่งแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในเดือนนี้ แต่ล่าสุด เริ่มมีข่าวดี! เมื่อมีรายงานว่าธนาคารอาจเจรจาลดค่าปรับกับทางการสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ส่งผลให้หุ้นดีดตัวขึ้นทันทีในวันเปิดตลาดไตรมาส 4 (3 ต.ค.) สร้างแรงบวกให้ตลาดหุ้นทั่ว เอเชียและยุโรป อย่างไรก็ตาม ความวิตกยังคงอยู่ ดอยช์แบงก์กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่ จนเกิดความกังวลว่าอาจกลายเป็น "เลห์แมน บราเธอร์ส 2.0" และจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งใหม่ 🔥 จบหรือยัง? นักลงทุนทั่วโลกยังจับตาใกล้ชิด วิกฤตนี้อาจไม่จบง่าย ๆ!

หลังจากเผชิญวิกฤตหนัก ราคาหุ้น ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ดิ่งแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในเดือนนี้ แต่ล่าสุด เริ่มมีข่าวดี! เมื่อมีรายงานว่าธนาคารอาจเจรจาลดค่าปรับกับทางการสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ส่งผลให้หุ้นดีดตัวขึ้นทันทีในวันเปิดตลาดไตรมาส 4 (3 ต.ค.) สร้างแรงบวกให้ตลาดหุ้นทั่ว เอเชียและยุโรป อย่างไรก็ตาม ความวิตกยังคงอยู่ ดอยช์แบงก์กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่ จนเกิดความกังวลว่าอาจกลายเป็น "เลห์แมน บราเธอร์ส 2.0" และจุดชนวนให้เกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งใหม่ 🔥 จบหรือยัง? นักลงทุนทั่วโลกยังจับตาใกล้ชิด วิกฤตนี้อาจไม่จบง่าย ๆ!

หลังจากที่เผชิญราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักจนแตะระดับต่ำสุดทุบสถิติมาแล้วหลายครั้งในเดือนนี้ ล่าสุดหุ้นของ "ดอยช์แบงก์" (Doutche Bank)ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและยุโรป ก็เริ่มมีข่าวดีบ้างว่าจะเจรจาลดเงินค่าปรับกับสหรัฐได้ จนไต่ระดับขึ้นไปได้อีกครั้งหลังเปิดตลาดวันแรกของไตรมาส 4 เมื่อวันที่ 3 ต.ค.นี้ และคลายความกังวลทำให้ตลาดหุ้นทั้งในเอเชียและยุโรปปรับตัวขึ้นตามไปด้วย ความกังวลที่ว่านั้นก็คือ ดอยช์แบงก์กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่จนเสี่ยงต่อภาวะล้มละลาย ซึ่งอาจจะกลายเป็นชนวนให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกครั้งใหม่เหมือนเลห์แมน บราเธอร์ เมื่อปี 2008

หลังจากที่เผชิญราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักจนแตะระดับต่ำสุดทุบสถิติมาแล้วหลายครั้งในเดือนนี้ ล่าสุดหุ้นของ "ดอยช์แบงก์" (Doutche Bank)ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและยุโรป ก็เริ่มมีข่าวดีบ้างว่าจะเจรจาลดเงินค่าปรับกับสหรัฐได้ จนไต่ระดับขึ้นไปได้อีกครั้งหลังเปิดตลาดวันแรกของไตรมาส 4 เมื่อวันที่ 3 ต.ค.นี้ และคลายความกังวลทำให้ตลาดหุ้นทั้งในเอเชียและยุโรปปรับตัวขึ้นตามไปด้วย ความกังวลที่ว่านั้นก็คือ ดอยช์แบงก์กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินครั้งใหญ่จนเสี่ยงต่อภาวะล้มละลาย ซึ่งอาจจะกลายเป็นชนวนให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกครั้งใหม่เหมือนเลห์แมน บราเธอร์ เมื่อปี 2008

ค่าเงินปอนด์ยังคง อ่อนค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 หลังจากร่วงหนัก 6% ในช่วงแรกของการซื้อขาย แตะ 1.1819 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit ที่อาจทำให้สหราชอาณาจักรสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงตลาดร่วมยุโรป 📉 ณ เวลา 18.30 น. (ตามเวลาไทย) ปอนด์อ่อนค่าลงอีก 2.15% อยู่ที่ 1.2330 ดอลลาร์ ย้อนกลับไปปี 1985 ปอนด์เคยร่วงต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 1.0520 ดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตการประท้วงของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ขณะที่การดิ่ง 6% วันนี้ ถือเป็นการร่วงแรงสุดนับตั้งแต่วันประกาศผลประชามติ Brexit เมื่อ 24 มิ.ย. 2016 🔥 เกิดอะไรขึ้น? ตลาดยังไร้คำตอบชัดเจน แต่นักลงทุนทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด!

ค่าเงินปอนด์ยังคง อ่อนค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 หลังจากร่วงหนัก 6% ในช่วงแรกของการซื้อขาย แตะ 1.1819 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit ที่อาจทำให้สหราชอาณาจักรสูญเสียสิทธิ์เข้าถึงตลาดร่วมยุโรป 📉 ณ เวลา 18.30 น. (ตามเวลาไทย) ปอนด์อ่อนค่าลงอีก 2.15% อยู่ที่ 1.2330 ดอลลาร์ ย้อนกลับไปปี 1985 ปอนด์เคยร่วงต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 1.0520 ดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตการประท้วงของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ขณะที่การดิ่ง 6% วันนี้ ถือเป็นการร่วงแรงสุดนับตั้งแต่วันประกาศผลประชามติ Brexit เมื่อ 24 มิ.ย. 2016 🔥 เกิดอะไรขึ้น? ตลาดยังไร้คำตอบชัดเจน แต่นักลงทุนทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด!

ปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลง 6% ในการซื้อขายช่วงแรก แตะระดับ 1.1819 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งอาจทำให้อังกฤษไม่สามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ณ เวลา 18.30 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 2.15% สู่ระดับ 1.2330 ดอลลาร์ ในปี 1985 ปอนด์ทรุดตัวลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 1.0520 ดอลลาร์ ท่ามกลางการประท้วงอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การดิ่งลง 6% ของปอนด์ในวันนี้ นับว่ามีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการประกาศผลการลงประชามติของอังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรปในวันที่ 24 มิ.ย.

ปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลง 6% ในการซื้อขายช่วงแรก แตะระดับ 1.1819 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1985 จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งอาจทำให้อังกฤษไม่สามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ณ เวลา 18.30 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 2.15% สู่ระดับ 1.2330 ดอลลาร์ ในปี 1985 ปอนด์ทรุดตัวลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 1.0520 ดอลลาร์ ท่ามกลางการประท้วงอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การดิ่งลง 6% ของปอนด์ในวันนี้ นับว่ามีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการประกาศผลการลงประชามติของอังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรปในวันที่ 24 มิ.ย.

Mario Draghi ประธาน ECB ย้ำชัด! ธนาคารกลางยุโรปยังไม่มีแผนลดวงเงิน QE ก่อนหมดอายุเดือนมีนาคมปีหน้า พร้อมเดินหน้าซื้อพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตามกำหนด หรืออาจขยายเวลาออกไปหากจำเป็น คำยืนยันนี้สวนทางกับข่าวลือจาก บลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า ECB อาจทยอยลดวงเงิน QE 1 หมื่นล้านยูโร/เดือน Draghi ตอบโต้ชัด! ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ 🔥 ตลาดจับตา! นโยบาย ECB จะเปลี่ยนทิศหรือไม่? นักลงทุนต้องเตรียมรับมือ!

Mario Draghi ประธาน ECB ย้ำชัด! ธนาคารกลางยุโรปยังไม่มีแผนลดวงเงิน QE ก่อนหมดอายุเดือนมีนาคมปีหน้า พร้อมเดินหน้าซื้อพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตามกำหนด หรืออาจขยายเวลาออกไปหากจำเป็น คำยืนยันนี้สวนทางกับข่าวลือจาก บลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า ECB อาจทยอยลดวงเงิน QE 1 หมื่นล้านยูโร/เดือน Draghi ตอบโต้ชัด! ยังไม่มีการหารือเรื่องนี้ 🔥 ตลาดจับตา! นโยบาย ECB จะเปลี่ยนทิศหรือไม่? นักลงทุนต้องเตรียมรับมือ!

Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกโรงย้ำชัด! คณะกรรมการนโยบายการเงิน ยังไม่มีการหารือ เรื่องการลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมยืนยันว่า ECB จะเดินหน้าซื้อพันธบัตรเต็มวงเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงกำหนดเดิมในเดือนมีนาคมปีหน้า หรืออาจขยายเวลาออกไปหากเศรษฐกิจยังต้องการแรงหนุนเพิ่มเติม คำยืนยันนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้รายงานของสำนักข่าว บลูมเบิร์ก ที่อ้างแหล่งข่าววงในว่า ECB อาจพิจารณาลดวงเงิน QE ทีละ 1 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ก่อนโครงการสิ้นสุด ซึ่ง Draghi ชี้แจงชัดเจนว่า ไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ 🔥 สรุปชัด! ECB ยังไม่ถอนมาตรการกระตุ้น – นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของ ECB ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หลังจากนี้หรือไม่ โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจยูโรโซนมีสัญญาณชะลอตัวต่อไป

Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกโรงย้ำชัด! คณะกรรมการนโยบายการเงิน ยังไม่มีการหารือ เรื่องการลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมยืนยันว่า ECB จะเดินหน้าซื้อพันธบัตรเต็มวงเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงกำหนดเดิมในเดือนมีนาคมปีหน้า หรืออาจขยายเวลาออกไปหากเศรษฐกิจยังต้องการแรงหนุนเพิ่มเติม คำยืนยันนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้รายงานของสำนักข่าว บลูมเบิร์ก ที่อ้างแหล่งข่าววงในว่า ECB อาจพิจารณาลดวงเงิน QE ทีละ 1 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ก่อนโครงการสิ้นสุด ซึ่ง Draghi ชี้แจงชัดเจนว่า ไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ 🔥 สรุปชัด! ECB ยังไม่ถอนมาตรการกระตุ้น – นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของ ECB ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หลังจากนี้หรือไม่ โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจยูโรโซนมีสัญญาณชะลอตัวต่อไป

Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ECB ไม่ได้มีการหารือกันในประเด็นปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ นายดรากีย้ำว่า ECB จะดำเนินมาตรการ QE ต่อไปจนถึงกำหนดช่วงปลายเดือนมี.ค.ปีหน้า หรืออาจจะขยายเวลาออกไปหากพิจารณาเห็นว่าจำเป็น คำยืนยันของนายดรากีมีขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ECB ว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยคาดว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงินลง 1 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน

Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ECB ไม่ได้มีการหารือกันในประเด็นปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ นายดรากีย้ำว่า ECB จะดำเนินมาตรการ QE ต่อไปจนถึงกำหนดช่วงปลายเดือนมี.ค.ปีหน้า หรืออาจจะขยายเวลาออกไปหากพิจารณาเห็นว่าจำเป็น คำยืนยันของนายดรากีมีขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ECB ว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยคาดว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงินลง 1 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน

ตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณสะดุด! ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เมษายน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ที่ 181,000 ตำแหน่ง รวมถึงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 166,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับลดตัวเลขจ้างงานเดือนสิงหาคมลงเหลือ 175,000 ตำแหน่ง จากเดิม 177,000 ตำแหน่ง 🔹 ภาคบริการ เป็นพระเอกหลักของตลาดแรงงาน โดยเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง 🔹 ภาคการผลิต กลับซบเซา โดยสูญเสียงานไป 6,000 ตำแหน่ง จับตาตัวเลข NFP ศุกร์นี้! สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งเตรียมเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันศุกร์นี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นตัวชี้ชะตาทิศทาง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปีของ Fed ผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า NFP เดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงาน ยังคงทรงตัวที่ 4.9% 🔥 ตลาดจะตอบสนองอย่างไร? ดอลลาร์จะพุ่งหรือร่วง? นักลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อม!

ตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณสะดุด! ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เมษายน และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีนี้ที่ 181,000 ตำแหน่ง รวมถึงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 166,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับลดตัวเลขจ้างงานเดือนสิงหาคมลงเหลือ 175,000 ตำแหน่ง จากเดิม 177,000 ตำแหน่ง 🔹 ภาคบริการ เป็นพระเอกหลักของตลาดแรงงาน โดยเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง 🔹 ภาคการผลิต กลับซบเซา โดยสูญเสียงานไป 6,000 ตำแหน่ง จับตาตัวเลข NFP ศุกร์นี้! สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐ ซึ่งเตรียมเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันศุกร์นี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นตัวชี้ชะตาทิศทาง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปีของ Fed ผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า NFP เดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง ขณะที่ อัตราการว่างงาน ยังคงทรงตัวที่ 4.9% 🔥 ตลาดจะตอบสนองอย่างไร? ดอลลาร์จะพุ่งหรือร่วง? นักลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อม!

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าระดับ 181,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในปีนี้ รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 166,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ADP ได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.สู่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 6,000 ตำแหน่ง ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบ 10 ปี ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าระดับ 181,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในปีนี้ รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 166,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ADP ได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.สู่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 6,000 ตำแหน่ง ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบ 10 ปี ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%

แต่ทันทีที่ Alex Stamos หัวหน้าทีมซีเคียวริตี้ของยาฮู พบว่า ซีอีโออย่างมาริสสา เมเยอร์อนุญาตให้มีการติดตั้งโปรแกรม เขาก็ขอลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารด้านระบบซีเคียวริตี้ทันที ซึ่งช่องโหว่ของโปรแกรมนี้ Stomos เคยระบุไว้ว่า แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บอีเมลได้เลย ปัจจุบัน Stamos ทำงานอยู่กับเฟซบุ๊ก และไม่ขอตอบคำถามใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว การออกมาเปิดเผยของแหล่งข่าวดังกล่าวทำให้สื่อหลายสำนักนึกย้อนไปถึงกรณีของเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน ซึ่งกรณีของยาฮูก็มีความคล้ายคลึงกัน และแสดงให้เห็นว่า พลเมืองสหรัฐอเมริกาหนีไม่พ้นที่จะถูกสอดแนมโดยหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศ ด้านอัยการ Patrick Toomey ออกมาเผยว่า การทำตามคำสั่งของรัฐบาลในกรณีของยาฮูเป็นเรื่องน่าผิดหวัง และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ "กรณีของเอ็ดเวิร์ด สโนวเดนได้ทำให้ผู้บริโภคต่างฝากความหวังไว้กับบริษัทเทคโนโลยีที่จะยืนหยัดต่อต้านการสอดแนม เพราะตัวผู้ใช้บริการเองต่างไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านการสอดแนมเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง" นอกจากนี้ ในเดือนที่ผ่านมา ยาฮูยังเจอเหตุการณ์แฮกเกอร์เจาะระบบที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการ 500 ล้านคนอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงและการขายธุรกิจหลักให้กับเวอไรซอนในราคา 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐอย่างมากทีเดียว

แต่ทันทีที่ Alex Stamos หัวหน้าทีมซีเคียวริตี้ของยาฮู พบว่า ซีอีโออย่างมาริสสา เมเยอร์อนุญาตให้มีการติดตั้งโปรแกรม เขาก็ขอลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารด้านระบบซีเคียวริตี้ทันที ซึ่งช่องโหว่ของโปรแกรมนี้ Stomos เคยระบุไว้ว่า แฮกเกอร์สามารถใช้เจาะเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บอีเมลได้เลย ปัจจุบัน Stamos ทำงานอยู่กับเฟซบุ๊ก และไม่ขอตอบคำถามใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว การออกมาเปิดเผยของแหล่งข่าวดังกล่าวทำให้สื่อหลายสำนักนึกย้อนไปถึงกรณีของเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน ซึ่งกรณีของยาฮูก็มีความคล้ายคลึงกัน และแสดงให้เห็นว่า พลเมืองสหรัฐอเมริกาหนีไม่พ้นที่จะถูกสอดแนมโดยหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศ ด้านอัยการ Patrick Toomey ออกมาเผยว่า การทำตามคำสั่งของรัฐบาลในกรณีของยาฮูเป็นเรื่องน่าผิดหวัง และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ "กรณีของเอ็ดเวิร์ด สโนวเดนได้ทำให้ผู้บริโภคต่างฝากความหวังไว้กับบริษัทเทคโนโลยีที่จะยืนหยัดต่อต้านการสอดแนม เพราะตัวผู้ใช้บริการเองต่างไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านการสอดแนมเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง" นอกจากนี้ ในเดือนที่ผ่านมา ยาฮูยังเจอเหตุการณ์แฮกเกอร์เจาะระบบที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการ 500 ล้านคนอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงและการขายธุรกิจหลักให้กับเวอไรซอนในราคา 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐอย่างมากทีเดียว

มีรายงานจากรอยเตอร์อ้างถึงอดีตพนักงานยาฮู (Yahoo) ระบุว่า ระบบของยาฮูเมลถูกสอดแนมโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาอย่าง NSA (National Security Agency) หรือ FBI โดยการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อสแกนอีเมลที่เข้ามายังระบบทั้งหมด แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ข้อมูลใดที่ซอฟต์แวร์ตัวดังกล่าวต้องการค้นหา แต่แหล่งข่าวของรอยเตอร์ระบุว่า เป็นชุดคำชุดหนึ่ง ซึ่งต้องสแกนจากเนื้อหาอีเมล และไฟล์ที่แนบมาด้วย แหล่งข่าวระบุด้วยว่า โปรแกรมดังกล่าวถูกค้นพบโดยทีมซีเคียวริตี้ของยาฮูในเดือนพฤษภาคม 2015 ซึ่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังจากที่ถูกติดตั้งลงไป ซึ่งพนักงานในขณะนั้นเชื่อว่าแฮกเกอร์สามารถเจาะระบบเข้ามาได้

มีรายงานจากรอยเตอร์อ้างถึงอดีตพนักงานยาฮู (Yahoo) ระบุว่า ระบบของยาฮูเมลถูกสอดแนมโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาอย่าง NSA (National Security Agency) หรือ FBI โดยการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อสแกนอีเมลที่เข้ามายังระบบทั้งหมด แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ข้อมูลใดที่ซอฟต์แวร์ตัวดังกล่าวต้องการค้นหา แต่แหล่งข่าวของรอยเตอร์ระบุว่า เป็นชุดคำชุดหนึ่ง ซึ่งต้องสแกนจากเนื้อหาอีเมล และไฟล์ที่แนบมาด้วย แหล่งข่าวระบุด้วยว่า โปรแกรมดังกล่าวถูกค้นพบโดยทีมซีเคียวริตี้ของยาฮูในเดือนพฤษภาคม 2015 ซึ่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังจากที่ถูกติดตั้งลงไป ซึ่งพนักงานในขณะนั้นเชื่อว่าแฮกเกอร์สามารถเจาะระบบเข้ามาได้